เมนู

อเสกขญาณกถา


[1030] สกวาที พระเสกขะ มีญาณของพระเสกขะ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. พระเสกขะ รู้เห็นธรรมของพระอเสกขะได้
เข้าถึงอยู่ ถูกต้องด้วยกายอยู่ ซึ่งธรรมของพระอเสกขะที่ตนเห็นแล้ว
รู้แล้ว ทำให้แจ้งแล้วได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. ธรรมของพระอเสกขะ อันพระเสกขะ รู้ไม่ได้
เห็นไม่ได้ เมื่อมิได้เห็น มิได้รู้ ก็เข้าถึงไม่ได้ ถูกต้องด้วยกายไม่ได้
มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ธรรมของพระอเสกขะ อันพระเสกขะ
รู้ไม่ได้ เห็นไม่ได้ เมื่อมิได้เห็น มิได้รู้ มิได้ทำให้แจ้ง ก็เข้าถึงไม่
ได้ ถูกต้องด้วยกายไม่ได้ ก็ต้องไม่กล่าวว่า พระเสกขะมีญาณของ
พระอเสกขะ.
[1031] ส. พระอเสกขะ มีญาณของพระอเสกขะ พระ-
อเสกขะรู้เห็นธรรมของพระอเสกขะได้ เข้าถึงอยู่ ถูกต้องด้วยกายอยู่
ซึ่งธรรมของพระอเสกขะ ที่ตนเห็นแล้ว รู้แจ้งแล้ว ทำให้แจ้งแล้วได้
หรือ ?

ป. ถูกแล้ว.
ส. พระเสกขะ มีญาณของพระอเสกขะ พระเสกขะ
รู้เห็นธรรมของพระอเสกขะได้ เข้าถึงอยู่ ถูกต้องด้วยกายอยู่ ซึ่งธรรม
ของพระอเสกขะที่ตนเห็นแล้ว รู้แล้ว ทำให้แจ้งแล้วได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1032] ส. พระเสกขะ มีญาณของพระอเสกขะ แต่ธรรม
ของพระอเสกขะอันพระเสกขะรู้ไม่ได้ เห็นไม่ได้ เมื่อไม่ได้เห็น มิ
ได้รู้ มิได้ทำให้แจ้ง ก็เข้าถึงไม่ได้ ถูกต้องด้วยกายไม่ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอเสกขะ มีญาณของพระอเสกขะ แต่ธรรม
ของพระเสกขะ อันพระอเสกขะรู้ไม่ได้ เห็นไม่ได้ เมื่อมิได้เห็น
มิได้รู้ มิได้ทำให้แจ้ง ก็เข้าถึงไม่ได้ ถูกต้องด้วยกายไม่ได้ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1033] ส. พระอเสกขะ มีญาณของพระอเสกขะ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. โคตรภูบุคคล มีญาณในโสดาปัตติมรรค หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล มี
ญาณในโสดาปัตติผล หรือ ?

ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. บุคคลผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้ง ซึ่งสกทาคามิผล
ฯ ล ฯ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ฯ ล ฯ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
มีญาณในอรหัตผล หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[1034] ป. ไม่พึงกล่าวว่า พระเสกขะมีญาณของพระอเสก-
ขะ หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ท่านพระอานนท์เมื่อยังเป็นเสกขะ ก็ทราบได้
ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระคุณอันยิ่ง ทราบได้ว่า พระสารีบุตรเถระ
พระมหาโมคคัลลานเถระ มีคุณอันยิ่ง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า ท่านพระอานนท์เมื่อยังเป็นเสกขะ ก็
ทราบได้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระคุณอันยิ่ง ทราบได้ว่า พระสารี-
บุตรเถระ พระโมคคัลลานเถระ มีคุณอันยิ่ง ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึง
ต้องกล่าวว่าพระเสกขะมีญาณของพระอเสกขะ.
อเสกขญาณกถา จบ

อรรถกถาอเสกขญาณกถา


ว่าด้วยญาณของพระอเสกขะ


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องญาณของพระอเสกขะ คือผู้ไม่ต้องศึกษา.
ในเรื่องนั้นชนเหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะ
ทั้งหลายว่า พระเสกขะทั้งหลายมีพระอานนท์เป็นต้น ย่อมรู้ซึ่งอเสกข-
บุคคลทั้งหลาย โดยนัยเป็นต้นว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ประเสริฐ
ที่สุดเป็นต้น เหตุใด เพราะเหตุนั้น อเสกขญาณ คือญาณของพระ-
อเสกขะ ย่อมมีแก่พระเสกขบุคคล ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึง
ชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำว่า รู้เห็น นี้
สกวาทีกล่าวด้วยอำนาจแห่งการรู้ที่ตนเองบรรลุแล้ว. คำว่า โคตรภู
บุคคล เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อแสดงความไม่มีแห่งญาณในเบื้อง
บนและเบื้องบนของของพระอริยบุคคล ผู้ตั้งอยู่ในภูมิธรรมเบื้องต่ำ.
ข้อว่า ท่านพระอานนท์เมื่อยังเป็นพระเสกขะก็ทราบได้ว่า พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้ามีพระคุณอันยิ่ง
อธิบายว่า ปรวาทีย่อมปรารถนา
พระเสกขะนั้นว่าเป็นผู้มีญาณของพระอเสกขะ เพราะความเป็นไปแห่ง
ญาณว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอเสกขะ แต่ไม่ปรารถนาญาณ
นั้นว่าเป็นอเสกขะ เพราะฉะนั้น ลัทธิแม้ปรวาทีตั้งแล้วอย่างนี้ก็ไม่เป็น
อันตั้งไว้นั่นแหละ ดังนี้แล.
อรรถกถาอเสกขญาณกถา จบ